Facial Fatgraft

Fat Grafting หรือ Fat Transfer หรือเรียกอีกอย่างว่า Fat Filler เป็นการใช้ไขมันของตัวเองในการเสริมเติมแต่งในส่วนบริเวณที่บกพร่อง เพื่อเข้าไปเติมเต็มบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ Fat ที่ถูกนำออกมาจากร่างกายเพื่อนำไปเติมเต็มอีกที่หนึ่ง

Body Liposuction ถือว่าเป็น Filler ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมวดของสารเติมเต็มที่เป็นธรรมชาติ (Biological Filler) ไขมันที่จะนำออกมาใช้ก็จะมาจากอวัยวะที่มีการสะสมของไขมันที่ค่อนข้างเยอะจนอาจทำให้บุคคลนั้นมีรูปร่างที่ไม่สวยงาม แลดูมีขนาดของอวัยวะในส่วนนั้นที่มากจนเกินไป เราสามารถนำไขมันจากร่างกายไปใช้เติมเต็มเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ โดยไขมันในบริเวณที่นิยมนำมาใช้กันจะเป็นในส่วนของบริเวณหน้าท้อง หรือต้นแขนต้นขา แต่ไขมันในบริเวณที่ดีที่สุดจะเป็นไขมันบริเวณต้นขา ซึ่งเรียกว่า การเติมเต็มด้วยไขมัน Fat Grafting หรือ Fat Transfer โดยถือเป็นประโยชน์จากการใช้ไขมันในด้านของการศัลยกรรม

ซึ่งประโยชน์นอกจากการเข้ามาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้นได้อีกด้วย เพราะมีความเชื่อว่าใน Fat ที่ดูดออกมานั้นมีสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดแฝงตัวอยู่ในเซลล์ไขมันเป็นจำนวนมาก เจ้าสเต็มเซลล์ Fat Stem Cells จะมีอยู่มากในบริเวณรอบสะดือ หรือหน้าท้อง หน้าขาด้านใน และก้น ตามลำดับ

หลักการของการฉีดไขมัน คือ การเติมเต็มส่วนต่างๆ ที่ขาดหายไป บนใบหน้า และร่างกาย คล้ายการรักษาด้วย Filler หรือการเสริมส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยซิลิโคน ซึ่งปัจจุบันเทคนิคการฉีดไขมันเริ่มเป็นที่นิยมและมาแทนที่การฉีด Filler หรือการเสริม Silicon มากขึ้น เพราะเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยกว่า อยู่ในร่างกายได้นาน และมีปัญหาแทรกซ้อนน้อยกว่าทั้งสองวิธีที่กล่าวมา

ฉีดไขมันอยู่ได้นานไหม

การเติมเต็มด้วยวิธีการฉีดไขมันตัวเองมีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลา ว่าสามารถเกิดการยุบตัวในบริเวณที่ทำการรักษาได้ เพราะเซลล์ไขมันที่ย้ายมาย่อมมีอายุขัย และเราไม่สามารถทราบได้ว่าเซลล์ที่ใช้ได้อยู่นั้นมีอายุ ณ ขนาดนั้นเท่าไร ถ้าเซลล์มีอายุอ่อนก็จะสามารถเจริญเติบโตและมีชีวิตอยู่ได้นาน แต่โดยมาตรฐานแล้ว เซลล์เหล่านั้นจะมีอายุอยู่ได้นานประมาณ 5 ปี ซึ่งสามารถทำการฉีดเพิ่มได้ เพราะเซลล์ไม่ได้เกิดการยุบตัวหรือเสื่อมพร้อมกันเลยทีเดียว แต่จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามอายุ และการดูแลตัวเองหลังทำเป็นส่วนสำคัญโดยเฉพาะหลังทำไปแล้วในช่วงระยะเวลา 1 เดือนแรก อีกทั้งช่วงวัยระหว่างทำการรักษาก็ยังถือเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัด เพราะในคนไข้ที่อายุมาก มีความเป็นไปได้ที่เซลล์จะอยู่รอดได้ในปริมาณค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับคนไข้ที่มีอายุน้อยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ร่วมด้วย บางกรณีที่มีระยะเวลาอยู่ได้นาน 5-6 ปีก็มีเช่นกัน

6 ข้อดีของการปรับรูปหน้าด้วย Fat Transfer

• สวยเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา
• ผิวสัมผัสเรียบเนียนไม่เป็นคลื่น
• ไม่เกิดปัญหาพังผืดในอนาคต
• ไม่ไหลย้อย คงอยู่ไม่เป็นก้อน
• อยู่ถาวรไม่สลายเหมือนสารอื่น
• ไม่เกิดการ Anti สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

พื้นที่การรักษา

ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการผ่าตัด

• งดยาในกลุ่มที่จะมีผลต่อการหยุดไหลของเลือด เช่น งดแอสไพริน  ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
• งดวิตามิน , อาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี , น้ำมันตับปลา , เมล็ดองุ่น , ใบแปะก๊วย , โสม ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน
• งดแต่งหน้าก่อนผ่าตัด และ งดสระผมหลังผ่าตัด
• งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์  ก่อนและหลังผ่าตัด
• งดดื่มแอลกอฮอล์ 1 – 2 วัน ก่อนผ่าตัด  และ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
• สำหรับคุณผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันในช่วงที่มีประจำเดือนและหลังประจำเดือนผ่านพ้นไปได้ไม่กี่วัน
• ในวันผ่าตัดควรพาเพื่อนมาด้วยและอุปกรณ์ของมีค่าควรเก็บไว้ที่บ้านหากไม่จำเป็นไม่ต้องใส่มาในวันผ่าตัด
• ไม่แนะนำให้ขับรถมาเองในวันผ่าตัด เนื่องจากจะเกิดความกังวลหลังผ่าตัดจะทำให้ไม่มีสมาธิในการขับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้แนะนำใช้บริการรถสาธารณะจะดีที่สุด

ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการผ่าตัด

• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังฉีด
• หลังฉีด Fat ทันทีไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีด
• ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น งดการอบไอน้ำ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ความร้อน หลังฉีก 1 เดือน
• หลังฉีด Fat ผิวหนังอาจบวม ปวด มีจ้ำเลือด ช้ำ อาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
• หลังฉีด Fat แนะนำให้นอนยกหัวสูงกว่าปกติ 3 วันหลังจากฉีด
• หากมีอาการบวมแดงเป็นเวลานานเกิน 7 วัน ควรเข้ามาให้แพทย์ตรวจดูอาการ
• พักการทำเลเซอร์ทุกประเภท หลังฉีด 1 เดือน
• สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
• งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหายดี