ดูดไขมัน Body jet ขจัดไขมันด้วยพลังน้ำ อ่อนโยน ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น

ดูดไขมันพลังงานน้ำคืออะไร

นวัตกรรมใหม่ในการคืนความอ่อนเยาว์…ด้วยไขมันตัวเองที่ใช้ เทคโนโลยีแรงดันน้ำ Water Jet ในการกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกินที่เราไม่ต้องการ ด้วยการฉีดพ่นน้ำพร้อมดูดไขมันออกได้ในขั้นตอนเดียวทำให้เซลล์ไขมันที่ดูดออกมานั้นมีคุณภาพที่ดีสามารถนำไปปลูกถ่ายต่อไปยังบริเวณที่ต้องการเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ (anti-aging) ให้แก่บริเวณที่คุณต้องการทั้งใบหน้า เช่น มือ หน้าอก สะโพก ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ได้อย่างยาวนาน

เทคโนโลยี ดูดไขมันพลังน้ำ

หมดกังวลกับปัญหา “การดูดไขมันแบบเดิมๆ”

✔ วิธีดูดไขมันที่อ่อนโยนที่สุด โดย “พลังน้ำ”

✔ เนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อย บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว

✔ ไขมันที่ดูดออกสามารถสกัดสเต็มเซลล์

✔ ผิวเรียบเนียน เข้ารูป หลังทำกลับบ้านได้ทันที

Body-jet ทำงานอย่างไร

Body-jet ใช้เทคโนโลยีพลังน้ำ ฉีดพ่นเข้าไปที่ชั้นไขมัน ในรูปแบบพัด (Fan Shape) เพื่อให้เซลล์ไขมันที่เกาะติดกันแน่น และเกี่ยวพันกับเส้นเลือดเส้นประสาท แยกออกจากกัน ลอยอยู่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ในขณะเดียวกันเซลล์ไขมันก็จะถูกดูดออกมาอย่างอ่อนโยน ช่วยให้เซลล์ไขมันมีคุณภาพที่ดี นำไปเติมเต็ม ปลูกถ่ายต่อได้ (Fat Grafting, Fat Transfer, Fat Filler, Lipoflling) เมื่อดูดไขมันเสร็จแล้ว แพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบพิเศษ แผลจึงมีขนาดเล็ก ทำให้หลังดูดไขมันแทบมองไม่เห็นแผล ช่วยให้คนไข้สามารถอวดรูปร่าง เผยสัดส่วนได้อย่างมั่นใจ

ความปลอดภัย

ไม่มีผลกระทบต่อหลอดเลือด เล้นประสาทและเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ
ช่วยลดอาการบาดเจ็บและภาวะเสี่ยงของการติดเชื้อ
ไม่อันตราย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ

ความปลอดภัยไม่ยุ่งยาก

ขั้นตอนในการฉีดสารละลายก่อนทำน้อยลง
ใช้ระยะเวลาในการทำสั้นลง
ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน

ประสิทธิภาพ

ช่วยลดปริมาณของสารละลาย TLA น้อยลง 70 เปอร์เซน
ลดอาการบวม หรือความบอบช้ำของผิว
ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นหลังทำการรักษา
เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำการรักษา ขจัดไขมันได้อย่างอ่อนโยนด้วยพลังงานน้ำ Water Jet
ทำให้ไขมันที่ได้มีคุณภาพสูง และสามารถนำไปเติมเต็มในส่วนที่ต้องการได้ทันที

เทคนิคการทำ Fanning
อ่อนโยนและแม่นยำ: เทคนิคการดูดไขมันแบบ fanning ถูกดีไซน์มาเพื่อให้การดูดนั้นเป็นไปด้วยความอ่อนโยนและแม่นยำ ซึ่งจะเหมาะมากสำหรับการเข้าถึงสัดส่วนที่ทำได้ยาก

ประโยชน์หลัก 

1. บวมและช้ำน้อย:
การผสมผสาน fanning technique เข้ากับพลังงานน้ำทำให้มีความอ่อนโยนต่อร่างกายมากและทำให้คนไข้มีอาการบวมช้ำน้อยและฟื้นตัวได้เร็ว
2. ผิวเรียบเนียน
Body-jet มีคุณสมบัติกระชับผิวและช่วยเรื่องความเรียบเนียน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเนียนและชัดเจน
3. แม่นยำ
การทำ fanning จะช่วยให้คุณหมอเข้าถึงส่วนที่เข้ายากได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้เข้าถึงไขมันได้ในทุกสัดส่วน

ข้อดีของเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet

สามารถดูดไขมันได้ทุกสัดส่วนในร่างกาย ตามที่เราต้องการ
ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก อย่างอ่อนโยน ด้วยพลังงานน้ำ
ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เพียงยาชา คนไข้จึงไม่ต้องเสี่ยงอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น
ไม่ต้องพักฟื้นหลังดูดไขมัน ดูดไขมันเสร็จแล้ว สามารถกลับบ้านได้เลย
สภาพผิวหลังดูดไขมันเรียบเนียน ไม่ไหม้ ไม่เป็นคลื่น ไม่บุ๋ม ไม่เกิดพังผืด
ระหว่างที่ดูดไขมัน คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บปวด เพราะไม่เกิดการเผาไหม้ต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
แผลมีขนาดเล็ก เพียง 3-5 มิลลิเมตร โอกาสที่จะเป็นแผลเป็นนูน (คีลอยด์) น้อย
หลังดูดไขมัน คนไข้จะมีอาการบวมน้อย บอบช้ำน้อย
เซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกมา จะยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในสภาพดี เมื่อนำไปเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย จะไม่เกิดอาการแพ้ เซลล์ไขมันจะติดดีขึ้น ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี และดูเป็นธรรมชาติ

ทำไม Body-Jet จึงดีกว่าวิธีการดูดไขมันแบบอื่น

1. Body-Jet แตกต่างจากกรรมวิธีในการดูดไขมันแบบทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยีแรงดันน้ำ Water Jet ฉีดพ่นน้ำอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล ทำให้เสียเลือดในปริมาณน้อย เพียงแค่ 1-2 % และยังช่วยลดอาการบวม หรือความบอบช้ำของผิวแผลจึงหายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน

2. ด้วยกระบวนการดูดไขมันแบบระบบปิด ที่ช่วยทำให้ไขมันที่ดูดออกมาไม่สัมผัสกับอากาศภายนอกเหมือนเครื่องทั่วไปทำให้เซลล์ไขมันที่ได้มีอัตรารอดชีวิตสูงและไม่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

3. ไม่จำเป็นต้องฉีดสารละลายปริมาณสูงเข้าไปในร่างกายก่อนการดูดไขมัน เนื่องจาก Body-Jet ใช้วิธีการฉีดน้ำเป็นสายเข้าไป และดูดออกระหว่างการทำ แพทย์จึงสามารถควบคุมการแทรกซึมของน้ำให้มีปริมาณน้อยที่สุดได้ตามต้องการทำให้ลดปัญหาการบวม อันเนื่องมาจากสารละลายหลังการรักษา

ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน หลังการทำ Body-Jet

โดยทั่วไปผู้รับการบริการจะใช้เวลาการพักฟื้นน้อยมากบางรายสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติในวันเดียวกัน การกลับคืนสู่สภาวะปกติของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปริมาณของไขมันที่ถูกดูดออก รวมถึงบริเวณที่ทำด้วยเช่นกัน

แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะต้องทำประมาณ 3 – 6 ครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความตื้นลึกของเม็ดสีของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน