เชื่อว่าการศัลยกรรมยังเป็นที่นิยามยอดฮิตในปัจจุบันทั้งชายและหญิงซึ่งการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นการศัลยกรรม “เสริมจมูก” เหตุผลก็เพราะว่า จมูกเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของใบหน้า พอทำจมูกออกมาแล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำออกมาแล้วมีความมั่นใจ กล้าที่จะเข้าสังคมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเรื่องของโหวงเฮ้งสำหรับบางคนที่ต้องการศัลกรรมเพื่อความดูดีของใบหน้าที่การเสริมโชคลาภอีกด้วย
การเสริมจมูก
เป็นการผ่าตัดแก้ใขรูปทรงของจมูกที่ดูแล้วไม่รับกับใบหน้า ไม่ได้ทรงตามที่ต้องการ และไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อวัดจากหน้าผาก ปลายจมูก และคาง หรือที่เรียกว่า “สัดส่วนทองคำ (golden ratio)” ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องวัดแล้วได้สัดส่วนที่เท่ากัน
การเสริมจมูกแบบไหนดีที่สุด?
1. เสริมแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูกและกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก แยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก และทำการปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่มีปัญหาก่อนการเสริมจมูก
เหมาะสำหรับใคร?
คนไข้ที่ต้องการแก้ไขจมูก หรือคนไข้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกเดิม เช่น จมูกคดเบี้ยว มีฮัมพ์ จมูกสั้นเหมือนหมู การเสริมจมูกแบบโอเพ่นสามารถเสริมด้วยซิลิโคน ปรับโครงสร้างจมูก และรองปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุได้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศัลยแพทย์
2. เสริมแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty)
เป็นการเปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกเพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูกแล้วใส่แท่งซิลิโคนเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดพร้อมกับตกแต่งโครงสร้างภายในจมูกและปลายจมูก แผลเปิดนี้อาจเปิดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
เหมาะสำหรับใคร?
คนไข้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกไม่มากนัก เป็นการเสริมด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว หรือร่วมกับการเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก
ในช่วง 24 – 48 ชม.แรก ควรประคบด้วยความเย็นหรืออาจใช้แผ่นเจลหรือผ้าชุบน้ำเย็นประคบ หากถ้ามีรอยฟกช้ำให้ใช้น้ำอุ่นประคบต่อ ทั้งนี้แนะนำให้นอนยกศรีษะด้วยหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม
ใช้สบู่อ่อนล้างหน้าได้ในวันแรก แต่ต้องเบามือ ทำความสะอาดบริเวณแผลด้วยน้ำสะอาด โดยใช้ Cotton Bud จุ่มน้ำแล้วทำความสะอาดโดยรอบ
ในกรณีเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง ใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถทำงานเบาๆ ได้ และหลีกเลี่ยงงานหนัก เช่น ยกของหนัก ประมาณ 1 เดือน