ปัญหาความไม่มั่นใจเกี่ยวกับรูปร่าง และสัดส่วนเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับสาว ๆ หลาย ๆ คน โดยเฉพาะปัญหาไขมันสะสมบริเวณต้นแขน รวมไปจนถึงปัญหากล้ามเนื้อต้นแขนไม่กระชับ ทำให้ต้นแขนมีความย้วย หย่อนยาน ไม่สามารถใส่เสื้อแขนกุด หรือโชว์เรียวแขนสวย ๆ ได้อย่างมั่นใจ จึงต้องลำบากไปหาเสื้อผ้าที่ช่วยอำพราง หรือปกปิดต้นแขนมาใส่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หมดสนุกในการแต่งตัวได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การดูดไขมันแขน สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันแขน คืออะไร? เหมาะกับต้นแขนแบบไหน? ราคาเท่าไหร่? ต้องพักฟื้นไหม? พร้อมวิธีดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันแขน รีวิวเห็นผลชัดเจนมาฝากกัน ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
ดูดไขมันแขน คือ อะไร?
การดูดไขมันแขน (Arm Liposuction) คือ วิธีการกำจัดไขมันที่สะสมบริเวณต้นแขน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณต้นแขนส่วนหน้า ท้องแขน หรือต้นแขนส่วนหลัง และด้านล่างของหัวไหล่ (ส่วนบริเวณต้นแขนด้านบน จะเป็นส่วนของกล้ามเนื้อมากกว่า จึงไม่นิยมดูดไขมันในส่วนนี้) เพื่อให้ต้นแขนดูเล็กลง ดูเรียวขึ้น ไม่ย้วย หย่อนยาน และดูสมส่วน ซึ่งเป็นผลดีในการสร้างความมั่นใจให้กับรูปร่าง และสนุกกับการแต่งตัวได้มากยิ่งขึ้น การรักษาก็จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคสตามคำแนะนำ และแผนการรักษาของแพทย์
ดูดไขมันต้นแขน เหมาะกับใคร? ต้นแขนแบบไหนที่สามารถดูดไขมันได้?
การดูดไขมันแขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาต้นแขนไม่สมส่วน ต้นแขนมีไขมันสะสมเยอะจนปลิ้น ต้นแขนใหญ่ อวบ หรือย้วย หย่อนยาน เพื่อเสริมความมั่นใจในด้านการแต่งตัว และช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูผอมบาง และสวยงามมากยิ่งขึ้น
ส่วนต้นแขนที่สามารถดูดไขมันได้ ได้แก่ ต้นแขนของคนที่มีน้ำหนักเยอะ อ้วน น้ำหนักตัวเกิน หรือมีไขมันสะสมบริเวณต้นแขนจนไม่สมส่วนกับรูปร่าง รวมทั้งต้นแขนที่หย่อนคล้อย ไม่สวยงาม
ดูดไขมันแขน ราคา เท่าไร?
ดูดไขมันแขน ราคาเริ่มต้นที่ 13,999 - 40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานบริการที่คุณเลือกใช้) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการคิดราคาในการดูดไขมันแขน เช่น BMI ของผู้เข้ารับการรักษา เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้ ปริมาณไขมันสะสม และการใช้ยาชา หรือยาสลบขณะทำการรักษา เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจดูไขมันแขน จึงต้องมีการทำนัด เข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินราคา และวิธีการรักษาของแต่ละเคสนั่นเอง
ดูดไขมันแขน มีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
ถึงแม้ว่าการดูดไขมันแขนจะสามารถช่วยให้แขนดูเล็กลง ดูเรียวกระชับขึ้นได้ แต่ทว่าการดูดไขมันแขน ข้อเสียก็มีด้วยเช่นเดียวกัน เช่น
● ในกรณีที่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ จะต้องมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะมีผลต่อการผ่าตัด และอาจเกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
● ราคาค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมน้อยที่สุดในร่างกาย แต่ก็เป็นบริเวณที่ต้องใช้เทคนิคในการดูดไขมันสูง ดังนั้นการเลือกใช้สถานบริการที่มีมาตรฐาน และมีแพทย์ผู้ชำนาญการ อาจมีเรทราคาที่สูงกว่า เพราะเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพกว่านั่นเอง
● การดูดไขมันแขน เป็นการกำจัดไขมันสะสมบริเวณต้นแขนออกไป จึงไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวลดลงแต่อย่างใด รวมทั้งหลังจากการดูดไขมันแขนแล้ว ไขมันสามารถกลับมาสะสมในบริเวณเดิมได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนนิสัย และวินัยในการดูแลตัวเองหลังจากการรักษาด้วย
ดูดไขมันแขน มีแผลตรงไหนบ้าง?
การดูดไขมันแขน จะมีแผลข้างละ 1 แผล บริเวณเหนือข้อศอกของทั้ง 2 ข้าง โดยจะมีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ยกเว้นในกรณีที่มีไขมันสะสมเยอะมาก แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเปิดแผลเพิ่มตามความเหมาะสม เช่น ใต้รักแร้ หรือปีกหลังด้านบน เป็นต้น
ดูดไขมันแขน เจ็บไหม? ต้องพักฟื้นไหม?
ดูดไขมันแขน เจ็บไหม? ก็คงต้องตอบว่า ‘เจ็บ’ แต่ถ้าเทียบกับบริเวณอื่น ๆ แล้วก็ถือว่าอาจจะเจ็บน้อยกว่า ยกเว้นบริเวณที่มีความบอบบาง อย่างใต้รักแร้ก็อาจจะรู้สึกเจ็บกว่าแต่ก็ทนได้ นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมันด้วย ซึ่งใครที่กลัวเจ็บก็สามารถทำการปรึกษาแพทย์ เพื่อขอใช้ยาชา หรือยาสลบในการรักษา
ส่วนหลังการดูดไขมันแขน อาจจะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณช่วง 2 - 4 สัปดาห์แรก (ระยะพักฟื้นในที่นี้หมายถึง ยังสามารถขยับตัว เคลื่อนไหว และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่อาจจะมีอาการเจ็บปวดตึง ๆ บริเวณต้นแขน หรืออาจจะยกแขนขึ้นได้ไม่สุด หรือมีอาการบวมเกิดขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเอง) รวมทั้งการใส่ชุดกระชับต้นแขนทุกวัน อย่างน้อย 3 - 6 เดือน
หลังดูดไขมันแขน บวมมั้ย?
หลังดูดไขมันแขน อาจเกิดอาการบวมในบางรายได้ โดยอาจเกิดจากเครื่องมือที่ใช้ดูดไขมัน การใส่ชุดกระชับต้นแขน หรือการดูแลตัวเองในช่วงแรก ๆ หลังจากการรักษา ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นอาจมีความรุนแรงในระดับที่แตกต่างกันไป โดยปกติแล้วจะค่อย ๆ หายไปเอง และดีขึ้นตามลำดับไม่เกิน 2 - 4 สัปดาห์
วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันแขน
- ในช่วง 1 เดือนแรกของการดูดไขมันแขน จะต้องทำความสะอาดแผลเป็นประจำทุกวันจนกว่าแผลจะแห้ง นอกจากนี้ห้ามให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะทำการตัดไหม เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ และทำให้แผลฟื้นตัวได้ดี
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาที่แพทย์จ่ายให้ เช่น ยาลดอาการบวม ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด รวมทั้งงดการใช้ยา หรืออาหารเสริมบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์
- ดูแลตัวเองแบบครบสูตร ได้แก่ การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 - 3 ลิตร ออกกำลังกายเบา ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภท
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเล ของหมักดอง ปลาร้า ของสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารที่ไม่สะอาด
- ควรสวมใส่ชุดยกกระชับต้นแขนวันละ 22 - 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 6 เดือน เพื่อให้ผิวมีความกระชับ เห็นผลได้ชัดเจน รวดเร็ว
ดูดไขมันแขน รีวิว
นี่คือ รีวิวปัง ๆ ของเคสดูดไขมันแขนที่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีแขนที่เรียวเล็ก สมส่วน และกลับมามั่นใจในการแต่งตัวมากขึ้น
สรุป
การดูดไขมันแขน ช่วยในการกำจัดไขมันสะสมบริเวณต้นแขนได้เป็นอย่างดี เห็นผลชัดเจนภายใน 1 - 3 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันแขนในระยะเวลาอันสั้น ๆ เจ็บน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ หลังจากทำแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งช่วยเสริมในเรื่องความมั่นใจ และสามารถแต่งตัวโชว์เรียวแขนได้อย่างไม่เคอะเขินอีกต่อไป
ส่วนสำคัญที่สุดของการดูดไขมันแขน คือ การเลือกสถานบริการที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน เพราะการดูดไขมันต้นแขน จะต้องใช้เทคนิคในการรักษา และเครื่องมือในการดูดไขมันที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจมีราคาค่อนข้างสูงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้ามองถึงผลลัพธ์ที่ได้กับการที่คุณจะต้องออกกำลังกาย แต่ไขมันต้นแขนก็ไม่ลดสักที ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนใครที่กำลังมองสถานบริการที่ราคาหลักพัน หรือถูกมาก ๆ อาจมีความเสี่ยงสูงในเรื่องของภาวะแทรกซ้อน และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้