เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผิวหน้าเราจะเริ่มสูญเสียความตึงและความเต็มในผิวและจะก่อให้เกิดริ้วรอย ตีนกาและรูปโครงหน้าเก่าไป ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นจึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Sculptra ซึ่งจะมาช่วยย้อนกลไกความแก่และย้อนวัยกลับไปให้ดูเด็กและมีความเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม
ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลในการฟื้นฟูและเติมเต็มผิวให้กลับไปดูเด็กลงอีกครั้ง Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือ Collagen bio stimulator ที่จะมาตอบโจทย์สิ่งที่คุณกำลังกังวลอยู่อย่างแน่นอน
ในบทความนี้มาเรียนรู้การทำงานของ Sculptra ว่าสามารถไปกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร กลไกของสาร PLLA เป็นอย่างไร และความมหัศจรรย์ของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะฉีด Sculptra
- Sculptra คืออะไร?
- Sculptra เหมาะกับใคร?
- สาร PLLA คืออะไร?
- Sculptra ทำงานอย่างไร?
- ความสำคัญของคอลลาเจนในการฟื้นฟูผิว
- คอลลาเจนมีกี่ชนิดแล้วแตกต่างกันอย่างไร?
- Sculptraแตกต่างกับสารเติมเต็มตัวอื่นอย่างไร?
- ข้อดีและความเสี่ยงของ Sculptra ? ปลอดภัยหรือไม่?
- Sculptra ต้องใช้กี่ CC? อยู่ได้นานแค่ไหน?
- การเตรียมตัวก่อนทำ Sculptra
- การดูแลตัวเองหลังทำ Sculptra
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีด Sculptra
- โปรแกรมที่เหมาะแก่การทำร่วมกับ Sculptra แล้วจะเห็นผลดีที่สุด
- ฉีด Sculptra ที่ไหนดี
1. Sculptra คืออะไร?
Sculptra หรือ Collagen Biostimulator เป็นสารที่ใช้กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนบนผิวหนัง ซึ่งจะก่อให้เกิดความเติมเต็มและฟื้นฟูคอลลาเจน ทำให้มีโวลุ่มและดูอ่อนเยาว์ลง เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย ผิวหลวม ยืดย้วยไม่กระชับ และมีริ้วรอยมากขึ้นตามอายุ ซึ่งวิธีการทำงานของจะต่างไปจากฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มตัวอื่นที่มีอยู่ในตลาดทั่วไป
ซึ่งสารประกอบหลักของ Sculptra คือสาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ที่ถูกสังเคราะห์มาจากพืชที่นำมาใช้กระตุ้นคอลลาเจนหรือ Collagen Biostimulator ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนโดยธรรมชาติ เป็นสารที่ผ่านการรับรองจากทั้งอ.ย. ไทยและ FDA ของอเมริกา(ปี 1999)ตัวแรกและตัวเดียวในโลก สามารถนำมาฉีดในตำแหน่งเฉพาะใต้ผิวหนังและจะกระจายไปทั่วพื้นผิวได้ เป็นที่นิยมนำมาใช้กับบนใบหน้ากับอย่างแพร่หลาย
ผลลัพธ์ของการฉีด Sculptra โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถทำให้หน้าดูเติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติตามระยะเวลา เพราะว่า Sculptra ไม่ได้เข้าไปเติมเต็มพื้นผิวในทันที แต่จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังเริ่มการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น และเมื่อคอลลาเจนในหน้าเรามีมากขึ้น ก็จะส่งผลให้หน้าเราดูเนียน มีน้ำมีนวล ดูเด็กลงและสดใสมากขึ้น
2. Sculptra เหมาะกับใคร?
- ผู้มีปัญหาผิวบาง ผิวหย่อน ผิวห้อย ดูมีอายุ
- ผู้มีปัญหาเรื่องหลุมสิว
- ผู้ที่มีความกังวลเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า
- ผู้ที่ผ่านการทำหัตถการโปรแกรมอื่นมาแล้วยังไม่ตอบโจทย์หรือแก้ไขเรื่องความอ่อนเยาว์
- ผู้ที่ต้องการให้ดูเด็กลง ผิวหน้าแข็งแรง อิ่มฟู
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและไม่ต้องทำบ่อยๆ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
3. สาร PLLA คืออะไร?
Poly-L-Lactic Acid หรือเรียกสั้นๆว่าสาร PLLA เป็นสารที่ถูกสังเคราะห์จากพืชตัวแรกและตัวเดียวของโลก สามารถย่อยสลายได้เองและเข้ากันได้ทางชีวภาพ โดยเริ่มแรกถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในการรักษาเช่นสามารถพบเจอได้ในไหมละลายที่ใช้เย็บแผล และในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในแง่ความงาม เนื่องจากว่ามีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนดีเยี่ยม
เมื่อ Sculptra ได้ถูกฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิว สาร PLLA ที่มีอนุภาพขนาดเล็กจะทำหน้าที่ไปกระตุ้นไฟโบรบลาสต์(Fibroblast) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคอลลาเจน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน type 1 ขึ้นมาใหม่ได้มากถึง 66.5% ที่ใต้ชั้นผิว เพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างภายใน โดยบนผิวหน้าเรานั้นจะสามารถพบคอลลาเจน type 1 นั้นได้มากที่สุด
สิ่งที่ควรจะทำความเข้าใจคือการทำโปรแกรม Sculptra จะไม่เห็นผลได้ทันที แต่เป็นการวางแผนในการฟื้นฟูผิวระยะยาวและทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นอยู่ได้ยาวนานและเป็นธรรมชาติมากกว่าโปรแกรมอื่นๆ ซึ่งโปรแกรมอาจจะต้องใช้การฉีดอย่างต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยห่างกันประมาณ 4-5 อาทิตย์ คนไข้จะรู้สึกและเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้หลังจากทำไปแล้วประมาณ 1 เดือนและผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 25 เดือน
4. Sculptra ทำงานอย่างไร?
Sculptra จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากขึ้นใต้ชั้นผิว โดยเป็นการแก้ปัญหาที่จุดเริ่มต้นของปัญหาโดยแท้จริง
โดยตัวยาในขวดจะมาเป็นผง ซึ่งต้องนำไปผสมกับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile Water) และนำไปเขย่าให้เข้ากันและละลาย หลังจากนั้นจึงนำไปฉีดที่ชั้นผิวหนังไขมันชั้นลึก (Subcutaneous) เนื่องจากว่าถ้าฉีดใกล้ชั้นผิวบนมากไปอาจจะเกิดตุ่มนูนๆ เล็กๆ(nodule) ขึ้นมาได้
โดยผลลัพธ์หลังฉีดในทันทีจะรู้สึกได้ว่าหน้าเติมเต็มขึ้นในทันทีเพราะว่าปริมาตรน้ำที่ถูกฉีดเข้าไป ซึ่งผลจะอยู่ได้ 2 - 3 วัน หลังจากนั้นริ้วรอยหรือความหย่อนจะกลับมาใหม่เพราะน้ำนั้นได้ถูกซึมซึบเข้าไปแล้ว คงเหลือไว้เพียงแต่ Sculptra เท่านั้น ซึ่งอนุภาคของ Sculptra จะเริ่มเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและส่งสัญญาณไปยังที่ไฟโบรบลาสต์ ตัวไฟโบรบลาสต์เป็นเซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้โครงสร้างของเรานั้นแข็งแรงและมีความกระชับมากขึ้น
ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปแล้วอนุภาคของ Sculptra จะค่อยๆหายไป แต่ว่าเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกสร้างมา จะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับผิวหน้าได้ในระยะยาวมากถึง 2 ปี
5. ความสำคัญของคอลลาเจนในการฟื้นฟูผิว
คอลลาเจนถูกเรียกว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของสุขภาพผิว มีหน้าที่ในการสร้างรากฐาน ความกระชับ ความเต่งตึงและสุขภาพผิวโดยรวม ถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนก็จะขาดความสดชื่น หน้าแห้ง และหมดความยืดหยุ่นไปเหลือแต่ความเหี่ยวย่น
ตอนคนเราอายุยังน้อย ร่างกายยังสามารถผลิตคอลลาเจนได้ตามปกติและในปริมาณที่มาก ซึ่งทำให้ผิวเรามีความกระจ่างใสและดูเด็ก แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นและเจอสิ่งแวดล้อมที่ทำร้ายร่างกายเราเช่น การเจอแดด มลภาวะและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป จึงทำให้เกิดการเสื่อมกับคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว
โดยหลังจากอายุ 30 ขึ้นไป คนเราจะสูญเสียคอลลาเจนประมาณ 1-2 % ต่อปี และผิวเราก็เริ่มบางลง การขาดคอลลาเจนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเริ่มดูแก่ลง
อ่านต่อเรื่องคอลลาเจน
6. คอลลาเจนมีกี่ชนิดแล้วแตกต่างกันอย่างไร?
คอลลาเจนประกอบด้วยโปรตีนหลายชนิด หลายชนิดสามารถพบเจอได้ในร่างกายคน คอลลาเจนแต่ละชนิดทำหน้าที่แตกต่างกันไป แต่ในส่วนของสุขภาพผิวและการฟิ้นฟูด้านความงามนั้น คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ ชนิดที่ 3 จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
คอลลาเจน ชนิดที่ 1: เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากในชั้นผิวหนัง เอ็น กระดูกและเนื้อเยื่อในร่างกาย เป็นคอลลาเจนที่มีหน้าที่สร้างความแข็งแรงให้กับผิวหนังและทำให้ผิวกระชับและดูเต่งตึง เมื่อเราอายุเยอะขึ้นร่างกายเราสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้น้อยลง ซึ่งทำให้ความยืดหยุ่นน้อยลงและเกิดริ้วรอยมากขึ้น
คอลลาเจน ชนิดที่ 3: พบมากที่สุดในกล้ามเนื้อ คอลลาเจนชนิดนี้มีส่วนช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อและการซ่อมแซมของแผล Sculptra จะไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ชนิดที่ 3 และจะเปลี่ยนเป็นคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ต่อมานั่นเอง
7. Sculptraแตกต่างกับสารเติมเต็มตัวอื่นอย่างไร?
สิ่งที่แตกต่างมากที่สุดคือผลลัพธ์หลังทำทันที โดยปกติแล้วสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ต่างๆนั้นจะเห็นผลทันทีหลังทำแต่ว่า Sculptra นั้นทำงานไม่เหมือนกับฟิลเลอร์ทั่วไปดังนี้ คลิกเพื่อดูรูป
ฟิลเลอร์ทั่วไป:
- เห็นผลทันที
- ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว (6-12เดือน)
- เติมเต็มริ้วรอยและรอยย่น
- ส่วนประกอบสำคัญคือไฮยาลูโนริค (สาร HA)
Sculptra:
- ผลลัพธ์หลังทำชัดเจน 1 เดือน
- อยู่ได้นานมากกว่า 25 เดือน
- กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน
- ประกอบด้วยสาร PLLA หรือ Poly-L-Lactic Acid
- เหมาะสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูใบหน้าอย่างยั่งยืนและอย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งการเลือกใช้นั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ และควรมาจากคำแนะนำของหมอที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
8. ข้อดีและความเสี่ยงของ Sculptra ? ปลอดภัยหรือไม่?
ข้อดีของ Sculptra
- ผลลัพธ์ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ: Sculptra จะค่อยๆกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้คือความเป็นธรรมชาติและดูเนียน จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงปุบปับ เหมาะสมหรับคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์อยู่นาน: เทียบกับสารเติมเต็มทั่วไปที่อยู่ได้ 6 ถึง 12 เดือน Sculptra สามารถอยู่ได้นานถึง 25 เดือน
- ออกแบบโปรแกรมรายบุคคลได้: เช่นริ้วรอยบางจุดบนใบหน้า กะเปาะแก้ม ร่องน้ำหมากเป็นต้น
- ฟื้นไว: สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังทำได้ทันที
- ฟื้นฟูคอลลาเจน: Sculptra นอกจากทำให้ดูดีภายนอกด้วย ยังฟื้นฟูคอลลาเจนภายในทำให้เป็นการดูแลผิวระยะยาวได้ด้วย
ความเสี่ยงของ Sculptra (เกิดขึ้นได้ยาก)
- ความบวม ช้ำหลังทำ
- อาการคัน
- ปุ่มหรือตุ่มในเนื้อหลังทำ (สามารถแก้ไขได้ด้วยการนวด)
9. Sculptra ต้องใช้กี่ CC? อยู่ได้นานแค่ไหน?
การคิดง่ายๆคือเอาอายุตัวเองหารด้วย 10 จึงจะประมาณคร่าวๆได้ว่าใช้กี่ขวด
ตัวอย่างเช่น: อายุ 42 ปี หารด้วย 10 ก็จะได้ 4 ขวด
ซึ่งการฉีดนั้นไม่จำเป็นต้องฉีดภายในครั้งเดียว อาจจะแบ่งการฉีดออกเป็นสองถึงสามครั้งก็ได้เป็นต้น
ผลลัพธ์ของ Sculptra สามารถอยู่ได้นานถึง 25 เดือนหลังจากทำโปรแกรมครบแล้ว
10. การเตรียมตัวก่อนทำ Sculptra
- เว้นการทำหัตถการอื่นก่อนฉีด Sculptra 2 อาทิตย์
- งดวิตามินต่างๆ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการเลือดออกแล้วหยุดยาก และป้องกันการบวมช้ำเกินเหตุ
- งดยาแก้ปวดจำพวก แอสไพรินหรือ NSIADs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan
- ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์
- แจ้งโรคประจำตัวกับแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
11. การดูแลตัวเองหลังทำ Sculptra
การดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ทำไปออกมาได้ดีที่สุด การนวดจุดที่ฉีดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยหลักการคือจะเน้นการนวด วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที และทำติดต่อกัน 5 วัน คลิกเพื่อดูวีดีโอสาธิตการนวด
นอกจากการนวดหน้าแล้วอย่างอื่นที่ต้องทำมีดังนี้
- ประคบเย็น: เพื่อลดอาการบวมและความเจ็บปวด
- เลี่ยงแดด: เพราะว่าแสง UV จะทำให้อาการบวมหรือระบมหายช้าลง
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆเป็นเวลา 1 เดือนอย่างเช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ อัลเทอร่า เป็นต้น
12. ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีด Sculptra
หลังฉีด Sculptra อาจจะมีอาการบวมหรือระคายเคืองได้ใน 1 -2 วันแรกในบริเวณที่ฉีด อาจจะมีอาการนูนหรือมีตุ่มขึ้นได้(Nodule) ซึ่งสามารถกำจัดได้ด้วยการนวดหน้าตามขั้นตอนที่กล่าวมาด้านบน
Sculptra จะสามารถสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสิ่งตกค้างในร่างกายไว้ เพราะว่าเป็นสารสังเคราะห์มากจากพืชและได้รับการจดทะเบียนรับรองในประเทศอเมริกาแล้ว (US FDA) รวมถึงแพทย์ที่ฉีดต้องมีความเชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน
13. โปรแกรมที่เหมาะแก่การทำร่วมกับ Sculptra แล้วจะเห็นผลดีที่สุด
เนื่องจากว่า Sculptra เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังทำให้ดูอิ่มและฟู โปรแกรมที่เหมาะกับการทำร่วมกับ sculptra ควรจะเป็นอะไรที่ทำให้ผิวหนังมีความยกหรือกระชับมากขึ้นเช่นกัน เช่น Ulthera Hifu ร้อยไหม หรือศัลยกรรมดึงหน้า เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรปรึกษาแพทย์และแจ้งโปรแกรมที่เคยทำมาพร้อมทั้งระยะเวลาที่ทำมาก่อนด้วยทุกครั้งเพราะว่าการทำโปรแกรมต่างๆควรต้องเว้นเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
14. ฉีด Sculptra ที่ไหนดี?
สถานที่ฉีด Sculptra ควรเป็นที่ๆปลอดภัย สะอาด และมีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้วเท่านั้น
แพทย์ที่ทำการใช้ Sculptra ควรต้องมีใบรับรองการฝึกฝนมาแล้วจากผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนนำเข้าเท่านั้น
ที่สำคัญคือควรเช็คว่าคลินิกที่ทำได้ซื้อยาที่ถูกต้องผ่านตัวแทนนำเข้าแล้วเท่านั้นหรือไม่