การดูดไขมันที่ใบหน้าจะเป็นการดูดไขมันในบริเวณ เหนียง คอ แก้ม และขอบกราม ขึ้นอยู่กับปัญหาและการสะสมของไขมันในแต่ละบริเวณ เป็นอีกหนึ่งวิธีทีที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มองเห็นรูปของคอ กรอบหน้า และคางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ดูผอมลง และอ่อนเยาว์ลง
การสะสมของไขมันที่บริเวณใบหน้าแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
ช่วงวัยรุ่น ในคนที่อ้วนมากตั้งแต่เด็ก จะมีไขมันสะสมอยู่บริเวณที่ คอ, คาง, และแก้มอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปในวัยเด็กมักไม่สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่เมื่อโตขึ้นอยู่ในช่วงวัยรุ่น ต้องใช้ชีวิตในสังคมและแต่งตัวมากขึ้น พบว่าตัวเองเริ่มมีปมด้อยเพราะถึงแม้ว่าจะลดน้ำหนักลงแล้ว แต่บางครั้งส่วนคางและหน้าจะไม่ได้ลดลงมากจนสวยงามเท่าที่ต้องการ
ช่วงวัยผู้ใหญ่ ในคนที่มีอายุ 19-28 ปี ใบหน้าจะเรียวสวย เห็นโครงสร้างของกระดูกขากรรไกรและคอได้ชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอยู่ในช่วงอายุ 35-40 ปี จะเริ่มมีอาการหย่อนยานที่แก้มเล็กน้อย พร้อมกับมีการสะสมของไขมันที่คอและคาง ทำให้แนวกระดูกขากรรไกรเห็นไม่ชัดและรูปหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นคนอายุมากขึ้น โดยเริ่มจะมีไขมันสะสมอยู่บริเวณนี้เห็นได้ชัดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเพราะการสะสมไขมันในผู้หญิงเกิดตั้งแต่วัยรุ่น
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้ |
– บุคคลที่มีปัญหาเรื่องไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณใบหน้า เช่น ช่วงบริเวณ แก้มบน แก้มล่าง แนวขอบกราม ใต้คาง (ไขมันที่สะสมอยู่ต้องมีมากพอที่จะสามารถดูดได้) – บุคคลที่มีความยืดหยุ่นของผิวหนังที่ดี เพื่อหลังจากดูดไขมันผิวหนังจะมีความเรียบสวยกระชับ – มีอายุ 18 ปีขึ้นไป |
ผลลัพธ์ |
หลังจากการดูดไขมันจะเริ่มพบกับการเปลี่ยนแปลงประมาณ 3 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ 6 เดือนขึ้นไป |
ระยะเวลาในการให้บริการ |
ขึ้นอยู่กับบริเวณโดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาในการทำ 1-2 ชั่วโมง |
ระยะเวลาเห็นผล |
เห็นผลหลังทำ 1 เดือน เห็นผลที่ชัดเจน 3 เดือนขึ้นไป |
การมีไขมันสะสมอยู่บริเวณใบหน้าส่วนล่างทำให้ดูสูงอายุการดูดไขมันเพื่อให้รูปหน้าดูดีขึ้น สามารถทำได้ในอายุประมาณ อายุ 30-40 ปี เพราะความยืดหยุ่นของผิวยังคงดีอยู่ การดูดไขมันที่ดีสามารถเปลี่ยนรูปหน้าได้ โดยที่มีแผลเป็นขนาดเล็กมากจึงถือเป็นเทคนิคหนึ่งที่เหมาะสมกับคนที่อายุยังไม่มากและผิวหนังยังไม่หย่อนยานมากเกินไป แต่ถ้าอายุเยอะมากๆ 60 ปีเริ่มมีผิวหนังยานลงแล้ว การดูดไขมันคงไม่เพียงพอต้องทำการผ่าตัดผิวหน้าโดยใช้การดึงหน้าร่วมด้วย
ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดยาในกลุ่มที่จะมีผลต่อการหยุดไหลของเลือด เช่น งดแอสไพริน ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดวิตามิน , อาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี , น้ำมันตับปลา , เมล็ดองุ่น , ใบแปะก๊วย , โสม ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน
- คนไข้ต้องทำการสระผมให้เรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด หากจะทำการผ่าตัดบริเวณใบหน้าให้งดแต่งหน้าในวันผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล และมีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณผ่าตัดลดลง มีโอกาสทำให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดเลือด หายช้า และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1 – 2 วัน ก่อนผ่าตัด และ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- เตรียมภาวะติดใจให้พร้อมไม่ควรตื่นเต้นมาก และควรทราบว่าหลังการผ่าตัดมีโอกาสเกิดรอยช้ำ และความเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าที่หรือเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
- สำหรับคุณผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันในช่วงที่มีประจำเดือนและหลังประจำเดือนผ่านพ้นไปได้ไม่กี่วัน (ซึ่งมีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ช่วงนั้นร่างกายเราจะบวมและเสี่ยงต่อการเสี่ยเลือดมากยิ่งขึ้น)
- ในวันผ่าตัดควรพาเพื่อนมาด้วยและอุปกรณ์ของมีค่าควรเก็บไว้ที่บ้านหากไม่จำเป็นไม่ต้องใส่มาในวันผ่าตัด
- ไม่แนะนำให้ขับรถมาเองในวันผ่าตัด เนื่องจากจะเกิดความกังวลหลังผ่าตัดจะทำให้ไม่มีสมาธิในการขับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้แนะนำใช้บริการรถสาธารณะจะดีที่สุด
ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการผ่าตัด
- วันแรกหลังจากกลับบ้านแพทย์จะรัดผ้ายืดรัดผ้ากระชับหน้าไว้ วันรุ่งขึ้นสามารถแกะผ้าที่รัดเอาไว้ได้และเช็ดทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำเกลือและเปลี่ยนผ้ารัดใหม่แล้วรัดตามเดิม หรือเปลี่ยนมาใส่ Face Support แบบรัดพิเศษเฉพาะส่วน (Compression Garment) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์แรกหลังทำ (แนะนำให้รัดติดต่อกันนาน 2-3 เดือน)
- ช่วง 1-2 วันแรก แผลผ่าตัดจะมีน้ำเกลือปนเลือดไหลซึมออกมา ควรทำการเปลี่ยนผ้าก๊อซปิดแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อความสะอาดละป้องกันการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
- อาการ บวม รอยเขียวช้ำ อาการเจ็บ ชา หรือรู้สึกแสบร้อนอาจเกิดขึ้นได้ แต่เป็นเพียงชั่วคราวในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งหลังจาก 1-6 เดือนไปแล้ว อาการบวม เขียว ช้ำ ทั้งหมดจะหายไป
- งดการทำงานหนักหรือการออกกำลังกายที่หนักที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนในบริเวณที่ทำการดูดไขมัน อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- หลังจากที่ตัดไหมไปแล้ว บาดแผลจะเริ่มเข้าที่และแห้งสนิทภายใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าเกิดแผลลักษณะนูนๆ แข็งๆ ให้นวดโดยใช้นิ้วคลึงเบาๆ บริเวณรอยแผล เพื่อลดการดึงรั้งของบาดแผล หรือถ้าเกิดมีรอยดำสามารถทายาลบรอยแผลเป็นได้ หรือเข้ารับบริการเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น
- รอยแผลระยะแรกจะเห็นชัดในช่วง 2-3 เดือนแรก โดยแผลเป็นจะมีสีเข้มขึ้นและหนาและจะค่อยๆ จางลงและนิ่มลงจนเป็นปกติในเวลา 1 ปี ดังนั้นระยะแรกหลังผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการอาบแดด ควรทาครีมกันแดดบริเวณแผลควรเลือกครีมกันแดดตั้งแต่ SPF 15 ขึ้นไป
- หลังจากการดูดไขมันในวันแรก สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงแผลโดนน้ำจนกว่าจะผ่าตัดไหม
- ดูแลให้แผลแห้งและสะอาด อย่าให้มีคราบเลือดติดอยู่ที่แผล
- รับประทานยาแก้อักเสบและยาลดบวมตามที่แพทย์จัดให้ หากมีอาการปวดก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือ จนกว่าแผลจะหายดี